วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Hokkiado Milk Bread Japanese Style (ขนมปังนมสด "ฮอกไกโด")

Hokkiado Milk Bread Japanese Style By Lanna ’s Patisserie Chiangmai Thailand
Adapted formula from Christine’s Recipes
ขนมปังนมสด ที่ได้ขึ้นชื่อลือชาว่า เนื้อฟูนุ่ม นิ้มม นิ่มม ราวกับปุยหิมะ แห่งเมืองสวรรค์ ฮอกไกโด




ด้วยความที่สาวลานนานั้นเป็นคนชอบลองทำอะไรใหม่ๆ หลังจากสนุกกับการทำเค้กมาเยอะแล้ว รู้สึกว่ามันเนือยๆไป อยากหาความแปลกใหม่ที่สร้างแรงขับให้กับตัวเอง พอดีจังหวะกับที่เป็นช่วงวันหยุดยาว เลยหาโอกาสทำขนมให้หนุ่มๆในบ้านได้ทานกัน แล้วก็มาลงตัวที่การทำขนมปังเพราะใช้ทานเป็นอาหารเช้าแทนทานข้าวกันบ้างดีกว่า จึงลองค้นหาสูตรการทำขนมปังต่างๆ แต่ต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะคะว่า สาวลานนายังไม่เคยได้สัมผัสการทำขนมปังมาก่อนเลย พอมีโอกาสและหนุ่มๆเรียกร้อง ก็ขอลองกันหน่อยละกัน
แต่ด้วยความที่อยากให้ขนมปังที่ทำนั้นมีความเป็นธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีใดๆ มาเจือปน  แล้วตัวเองก็เป็นคนชอบขนมปังที่มีความนุ่มเนียนในแบบเอเชี่ยนสไตล์อยู่แล้ว ครั้นจะทำขนมปังให้ขึ้นฟูได้ คงจะต้องอาศัย ผงฟู เป็นแน่แล้วจะมีวิธีการอื่นใดอีกมั้ยล่ะ ที่เราจะไม่ต้องใส่ผงฟูให้เคลือบแคลงความเป็นธรรมชาติอีก มันคงต้องมีคงามลับอะไรบางอย่างที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ล่ะนะ แต่อะไรกันล่ะที่จะเป็นตัวเนรมิต ความนุ่ม ฟู ให้เกิดขึ้น และยังยืนระยะคงอยู่ได้ อย่างน้อยขอสักสองสามวันก็เยี่ยมละ จึงเป็นที่มาของการหาตำรับทำขนมปังที่มีความนุ่มฟู โดยปราศจากผงฟูให้จงได้
พอค้นไปค้นมา ก็บังเอิญมาเจอกับสูตรที่ตรงตามคอนเซ็ปเราเป๊ะเลย เป็นสูตรขนมปังสไตล์ญี่ปุ่นที่ว่ากันว่านักทำขนมปังชาวจีนได้นำเอาวิธีการมาปรับใช้ในการทำขนมปังอย่างแพร่หลาย โดยวิธีการที่ว่า มีชื่อเรียกขานว่า “Tangzhong” คือเป็นส่วนผสมพิเศษที่อาจพูดได้ว่า เป็นความลับของ เส้นใยปุยนุ่มๆของขนมปังนั่นเอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ผงฟู อีกทั้งยังสามารถเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นได้อีกหลายวันที่เดียว วันไหนนึกอยากทำ อยากทานขนมปังอร่อยๆ นุ้มมนุ่มม ละก็ แค่หยิบเอาออกมาจากตู้เย็นแล้วก็ลงมือต่อได้เลย จึงถือว่า เจ้า Tangzhong (แป้งเหนียว) นี้มีประโยชน์มากที่เดียวเชียว
ทีนี้เราคงอยากรู้กันแล้วสิว่า ทำไมเจ้า Tangzhong (แป้งเหนียว) นี้ถึงได้มีความพิเศษเช่นนี้
จากหนังสือ(Bread doctor) ของ  Yvonne Chen กล่าวว่า ที่อุณหภูมิพอเหมาะราว 65เซลเซียส กลูเต็น(โปรตีนที่มีอยู่ในแป้ง) และน้ำจะดูดเอาความชุ่มชื้นเข้ามาจนยีสต์หมักได้ที่และทำให้แป้งขึ้นฟู แล้วหลังจากนั้นเมื่อใดก็ตามที่เราเอา Tangzhong (แป้งเหนียว) ไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆที่เราจะทำขนมปัง แป้ง dought ที่ได้จากการผสม Tangzhong (แป้งเหนียว)ลงไป จะยิ่งเพิ่มเความนุ่มฟู ของเส้นใยขนมปังให้เป็นดังปุยเมฆเลยทีเดียว
เมื่อรู้เหตุผลและคุณสมบัติของ Tangzhong (แป้งเหนียว) แล้วทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการทำกันซะที
โดยเราจะแบ่งส่วนผสมในการทำ ขนมปังนมสด ฮอกไกโด ออกเป็น สองส่วน คือ
ส่วนที่เป็น ส่วนผสมในการทำ Tangzhong (แป้งเหนียว)
1. แป้งขนมปัง 60g หรือ1/3ถ้วย
2. น้ำเปล่า 250ml หรือ 1ถ้วย (สามารถใช้นมแทนได้ หรือจะใช้น้ำผสมนมอย่างละครึ่งก็ได้)
มาดูขั้นตอนวิธีการทำ Tangzhong (แป้งเหนียว) กันก่อน
1. ผสมแป้งขนมปังกับน้ำเปล่าลงในหม้อ โดยระวังไม่ให้แป้งจับตัวเป็นก้อนๆ จากนั้นนำขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟกลางถึงอ่อน หมั่นคนเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้แป้งติดหม้อ และเป็นผลทำให้ไหม้ได้


2. ระหว่างที่คนอยู่นั้น ส่วนผสมจะเริ่มงวดขึ้นจนข้น ให้ใช้การสังเกตดูว่าเนื้อแป้งมีรอยเป็นเส้นๆขึ้นมาหรือยัง ถ้ามีแสดงว่าเราทำสำเร็จละ จากนั้นยกลงจากเตา เราจะได้ Tangzhong (แป้งเหนียว) ส่วนผสมพิเศษที่เราต้องการ (Note: ถ้าไม่มั่นใจในการดูรอยเส้นแป้ง ก็ให้ใช้เทอร์โมมิเตอร์ วัดดูที่อุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียสก็ได้)

3. เท Tangzhong (แป้งเหนียว) ที่ได้ลงในชาม แล้วคลุมหน้าด้วยพลาสติกแร็ป เพือป้องกันไม่ให้มันแห้ง จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็นในอุณหภูมิห้อง เป็นอันเสร็จสามารถเอามาใช้ได้เลยทันทีหลังจากปล่อยมันเย็นลงแล้ว
4 ชั่งปริมาณที่เราจะใช้ ส่วนที่เหลือเราก็เอาไปเก็บไว้ในตู้เย็นได้หลายวัน ตราบเท่าที่มันยังไม่เปลี่ยนสีเป็นสีเทาๆ (Note:  Tangzhong (แป้งเหนียว) ที่เก็บแช่เย็นแล้ว ควรนำมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องทุกครั้ง ก่อนเติมส่วยผสมอื่นๆลงไป
ส่วนผสมที่เป็น ส่วนผสมในการทำขนมปัง
1. แป้งขนมปัง 540g
2. น้ำตาลทราย 80g
3. เกลือ 8g
4. นมผง 9g (ส่วนสูตรต้นตำรับจะใช้นมผงที่เน้นสกัดจากนมสดแท้ๆเท่านั้น)
5. ผงยีสต์สำเร็จรูป 11g
6. ไข่ไก่ 86g (กะประมาณไข่ไก่เบอร์1 2ใบ หรือเบอร์0 ใบกว่า)
7. วิปปิ้งครีม 59g
8. นมสด 54g
9. Tangzhong (แป้งเหนียว) 184g
10. เนยจืดที่ปล่อยให้ละลาย 49g
ทีนี้ก็มาถึงวิธีในการทำขนมปัง Hokkiado Milk Bread With Tangzhong
1. นำส่วนผสมที่เป็นของแห้งทั้งหมดมาคลุกเคล้ากันในชามผสม (แป้ง,เกลือ,น้ำตาลทราย,ยีสต์,นมผง)
จากนั้นเกลี่ยแล้วทำให้เป็นรูตรงกลางเตรียมไว้
2. ตีส่วนผสมที่เป็นของเหลวเข้าด้วยกัน (นมสด,วิปครีม,ไข่, Tangzhong) จากนั้นเทลงไปในรูของส่วนผสมแห้งที่เตรียมไว้แล้ว

3. นวดให้เข้ากันจนกระทั่งได้เป็นก้อน Dough จากนั้นเทเนยจืดละลายลงไป พร้อมกับนวดต่อจน แป้งdough เริ่มนุ่มเนียน ไม่เหนียวยืด ทดลองโดยการยืดแป้งdoughออก ถ้ามันมีเยื่อบางๆ ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ระยะเวลาในการนวดคลึงนั้นขึ้นอยู่กับความแรงและความเร็วของการนวด ถ้าใช้เครื่องนวดก็ประมาณ 30 นาที
4. คลึงแป้ง dough ให้เป็นรูปกลมๆ แล้วพักในชามที่ชโลมน้ำมันไว้ทั่วๆ ห่อคลุมด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรือ พลาสติกแร็ป ปล่อยทิ้งไว้รอการทำปฏิกิริยารอบแรก รอจนกระทั่งแป้ง dough ฟูขึ้นเป็น 2 เท่าของขนาดเดิม ใช้เวลาประมาณ 40 นาที (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เวลาขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมในการหมักบ่ม คือ 28องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 75%)

5. พอแป้ง dough ฟูขึ้นได้ขนาดตามต้องการแล้วก็ให้นำออกมาวางไว้บนโต๊ะที่สะอาดไม่มีคราบแป้งหลงเหลืออยู่ จากนั้นทำให้แฟบลง แล้วเริ่มแบ่งแป้ง dough ออกเป็นก้อนกลมๆขนาดเท่าๆกัน ด้วยการชั่งนน.รวมแล้วหารแบ่งออกมา จากนั้นจึงห่อด้วยพลาสติกแร็ปแล้วพักต่ออีก 15 นาที

6. นวดคลึงแต่ละก้อน dough ด้วยลูกกลิ้งจนมีรูปร่างแบนรี จากนั้นให้พับ 1/3 จากขอบด้านบนลงมาที่ตรงกลางแล้วกดให้เนื้อพับติดกัน จากนั้นพับอีก 1/3 จากขอบด้านล่างมาที่กึ่งกลาง แล้วกดให้ติดกัน





จากนั้นพลิกเอาด้านพับลงด้านล่าง แล้วใช้ลูกกลิ้งคลึงต่อให้แบนยาวออกมาประมาณ 30 ซม. พลิกด้านพับขึ้นแล้วม้วนด้านขวางให้เป็นรูปทรงกระบอก แล้วพลิกเอาด้านรอยพับลงที่พื้น 



จากนั้น วางก้อน dough ที่ม้วนเสร็จแล้วลงในพิมพ์ไล่เรียงไปทีละอันจากนั้นห่อด้วยพลาสติกแร๊ป เพื่อพักรอการทำปฏิกิริยารอบ2 รอจนกระทั่งพองออกเป็น 2 เท่าของขนาดเดิม หรือพองขึ้น ราวๆ 3/4 เท่าของพิมพ์ ใช้เวลาราวๆ 40 นาที เช่นเคย (อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการหมักรอบ 2 คือ 38 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 85%)
7. ทาหน้าด้วยไข่ (อาจใช้สูตร ไข่เจือน้ำก็ได้) 


แล้วอบต่อด้วยอุณหภูมิ 
pre-heated 180 องศาเซลเซียส นาน 30-35 นาที จนมีสีน้ำตาลสวย นำออกจากเตาแล้ววางพักบนตะแกรง รอให้เย็นก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์
เราก็จะได้ขนมปังนมสด "ฮอกไกโด" ที่เนื้อนุ้มมม นุ่มมม เส้นใยเป็นปุยฟู น่าทานมากๆอย่างที่เห็นในภาพนี้ละค่ะ พอทำเสร็จเท่านั้นละ หนุ่มๆที่บ้านมาแย่งกันชิมตอนร้อนๆใหญ่เลย สาวลานนาละยิ้มไม่หุบเลยค่ะ

อ้อลืมบอกไป หลังจากทำมาแล้วลองเก็บไว้ทานวันหลังอีกยังนุ่มฟูอยู่ต่อได้อีก 3 วันสบายๆเลยละค่ะ

ติดตามเราได้ทาง https://www.facebook.com/lanna.patisserie

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Blueberry Cheese Cake (บลูเบอรี่ชีสเค้ก)

... Thankful time by Lanna's Patisserie Chiangmai  ...

ด้วยความยินดีปรีดาจากใจ กับ "ความสุข" และ "ความรัก" ที่มอบให้



Lanna's Patisserie  จึงขอตอบแทนด้วยความเต็มใจ สร้างสรรค์ของขวัญชิ้นสำคัญที่คุณมาดหมายไว้ ให้เป็นที่ต้องตาต้องใจ เพื่อใช้เป็นเครื่องหมายแทนใจ ส่งถึงคนสำคัญของคุณ...
   

     ขนมเค้กของขวัญ ถือเป็นเครื่องหมายสำคัญ สัญลักษณ์แทนใจ ที่สื่อสารตรงออกไปจากผู้ให้ส่งมอบไปถึงผู้รับ จัดว่าเป็นของขวัญที่นิยม และทรงคุณค่า
    
เพราะนอกจากความหรรษาที่ได้รับทานแล้ว ยังสร้างความสุขสันต์ เติมสายใยแห่งรัก ต่อความสัมพันธ์ให้ผูกมั่นกันไว้ในหมู่มิตร และญาติสนิทของคุณ

สำหรับของขวัญชิ้นนี้ จัดได้ว่าเป็นขนมเค้กที่มีความนิยมไม่เสื่อมคลาย เพราะเป็นขนมเค้กที่ทานง่าย อุดมหลากหลายด้วยคุณประโยชน์ 



      จากตระกูลเบอรี่ ที่เข้ารสกันดี กับ ผลกีวี และ เนื้อชีสเค้กที่นุ่มลิ้น หวานมัน สร้างความหฤหรรษ์ สุขสัมพันธ์ให้กับคนที่คุณรักอย่างแน่นอน
 ผ่าน ขนมเค้กของขวัญสำหรับวันพิเศษ "Blueberry Cheese Cake" ที่เสกความสุข ความอร่อย ให้กับทุกเพศ ทุกวัย ในทุกโอกาสของคุณ...

  < <Blueberry Cheese Cake > >
บลูเบอรี่ชีสเค้ก Kiwi และ Gooseberryท้อปปิ้ง
+++Designed By Lanna ’s Patisserie เชียงใหม่+++
สั่งง่ายๆได้ที่ : <<< LinE ID: pimafs >>>


วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558


แรงบันดาลใจ และ ย่างก้าวต่อไปของเรา

>>>>แรงบันดาลใจ....

หากจะกล่าวถึง แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานของ Lanna’s Patisserie นั้น ถูกกลั่นจากความรู้สึกในส่วนลึกที่ต้องการมอบสิ่งที่มีคุณค่า ความหมายและสุนทรียภาพแด่ผู้คนจึงประสงค์ให้ขนมทุกชิ้นเป็นเครื่องมือถ่าย ทอดอารมณ์ ความรัก ความห่วงใยที่ทุกคนมอบให้แก่กันและกัน ดั่งฉันท์มิตร และส่งต่อความสุขที่ได้รับกลับคืนสู่สังคม และ บุคคลอันเป็นที่รัก ดังคำกล่าวที่ว่า
“ท่าน จะได้ลิ้มรสอันน่าพิสมัย เจิดจรัส ดุจอัญมณี เลอค่า กับเหล่าบรรดาขนมเค้กเนื้อหอมละมุน ที่ถูกรังสรรค์ปั้นแต่งด้วยความรักและใส่ใจ จากจินตนาการงานศิลป์ สู่ผลงานที่ผ่านการคัดสรรอย่างละเมียดละไม ส่งมอบแด่ท่านด้วยความอบอุ่นจากใจทุกวัน”

....ก้าวต่อไปของเรา>>>>

                เพื่อ การพัฒนาที่ยั่งยืน จากการที่เราสร้างสรรค์ผลงานจากความรัก ดังนั้นเราจึงอยากส่งมอบ ความรัก ความสุข ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ เราอยากเห็นภาพรอยยิ้มตลอดการเดินทางสร้างสรรค์ขนมของเรา ตั้งแต่ต้นทางวัตถุดิบจนถึงปลายทางผู้บริโภค เราต้องการให้ทุกๆท่านที่ทานขนมของเราได้รับสุขภาพดี และ อร่อยไปในคราเดียวกัน สิ่งนั้นย่อมเริ่มจากการคัดสรรเหล่าวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และ ปลอดสารพิษตกค้างมากที่สุดที่เราจำทำได้ ซึ่งนี่จึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆของคนทำขนมอย่างเราที่จะใส่ความรู้สึก อบอุ่น และ ปลอดภัยในทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อหวังให้ผู้รับจะได้ยิ้มรับอย่างมีความสุขทั้งกายทั้งใจ เราจึงตั้งปณิธานว่า 

เรา จะตอบแทนความรัก ด้วยการใส่ใจพยามเลือกใช้วัตถุดิบปลอดสารพิษเท่าที่จัดหาได้จากโครงการหลวง เช่น ผัก หรือ ผลไม้ต่างๆ และยังเป็นการสนับสนุนโครงการในพระราชดำหริตลอดจนเกษตรกรในภาคเหนือ เพื่อเป็นการคืนความสุขกลับสู่กับเกษตรกรท้องถิ่นบ้านเกิดของเราเอง อีกด้วย...


            การตั้งใจนำเสนอความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับ Lanna  ผสมผสานกับวัฒนธรรมความเป็นตะวันตกในรูปแบบของขนมอบ Lanna’s Patisserie ที่ เน้นวัตถุดิบท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่ผ่านร้านโครงการหลวง ผสานกับวัตถุดิบชั้นนำระดับโรงแรมคัดสรรมาเพื่อนำเสนอแด่ท่านทั้งชาวต่าง ชาติที่หลงใหลในรสผักผลไม้ไทย และ ชาวไทยที่ชื่นชอบความเข้มข้นของช็อคโกแลตแท้จากฝรั่งเศส

เส้นทางสู่ฝันแห่งนักสร้างสรรค์..ขนมอบ..มืออาชีพ Lanna's Patisserie เชียงใหม่

เอกศิลป์และจินตนาการเพื่อสุขภาพ

เส้นทางสู่ฝันแห่งนักสร้างสรรค์..ขนมอบ..มืออาชีพ


การทำขนมเพื่อคนที่เรารักนับเป็นแรงบันดาลใจสูงสุดในการพัฒนารังสรรค์สูตรขนมต่างๆ การคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศตลอดจนการใช้หัวใจในการเข้าถึงรายละเอียดทุกขั้นทุกตอน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้รับของขวัญล้ำค่าซึ่งทำด้วยหัวใจจะอิ่มท้องและอิ่มใจไปกับศิลปะแห่งรสชาติและความงามที่ Lanna's Patisserie (เชียงใหม่) สร้างสรรค์ด้วยความประณีต
อาจกล่าวได้ว่า นับเป็นโชคดีของคนไทยที่เกิดมาบนผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ เรามีวัตถุดิบคุณภาพชั้นเยี่ยมที่สามารถนำมาเป็นส่วนผสมสำคัญในการเพิ่มความเอร็ดอร่อย รวมทั้งการแต่งแต้มสีสันและคุณค่าทางโภชนาการให้กับขนมอบของเรา

การออกเดินทางเพื่อพัฒนาฝีมือการทำขนมมืออาชีพจึงเริ่มต้นขึ้น ด้วยความชื่นชอบส่วนตัวในการทานขนมเป็นทุนเดิม จึงทำให้การเสาะแสวงหาร้านขนมต่างๆกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ทั้งร้านที่มีชื่อเสียงหรือร้านที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ไล่ตั้งแต่ใน เมืองเชียงใหม่เอง รวมทั้งตามรอยรีวิวต่างๆในกรุงเทพ และจังหวัดอื่นๆ เพื่อลิ้มรสชาติความหอมหวานที่แตกต่างกันของขนมในแต่ละแห่ง 
อีกทั้งความรู้สึกประทับใจในฝีมือของเชฟขนมอบในแต่ละร้านที่สามารถสร้างสรรค์ออกมาในแบบต่างๆมากมาย จึงทำให้ไฟในตัวของเชฟมือสมัครเล่นลุกโชนขึ้น และนั่นเองจึงไม่แปลกอะไรที่จะไล่ตามความฝันเพื่อทำสิ่งที่ตนเองชื่นชอบให้สำเร็จ 
จวบจนเมื่อโอกาสในการเดินทางไกลได้ผ่านเข้ามาการไปเยือนทวีปยุโรปซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของขนมอบที่มีชื่อเสียงระดับโลก แน่นอนว่าที่จะพลาดไม่ได้เลย คือ ประเทศฝรั่งเศส เจ้าของตำนาน Patisserie อันเลื่องชื่อลือนาม การตามหารสชาติขนมอบจากประเทศต้นตำรับนั้น ทำให้ได้เรียนรู้ถึงเอกลักษณ์และรสชาติของขนมอบสัญชาติฝรั่งเศสโดยแท้ มันแตกต่างจากการศึกษาในตำราและการค้นคว้าในสื่อออนไลน์ โดยสิ้นเชิง การตามรอยร้านดังในตำนานยิ่งชวนให้น่าตื่นเต้นและน่าค้นหาถึงความเป็นมาเป็นไป ยิ่งได้มาสัมผัสกลิ่นไอแล้วไซร้นับเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ


เมื่อกาลเวลาเหมาะสม ผ่านการผสมกลมกล่อมระหว่างวัตถุดิบที่มีคุณภาพกับความรักและความตั้งใจ จนทำให้เชฟมือใหม่กล้าฝ่าฟันอุปสรรค ก้าวข้ามกรอบความกลัว วิตกกังวล จากการลองผิดลองถูก จนในที่สุด ขนมทุกชิ้นที่เกิดจากความเพียรพยายามก็ได้ผลตอบรับดีเกินคาดทั้งจากครอบครัวและเพื่อนฝูง จนทำให้เกิดกำลังใจและแรงผลักดันต่อภาพความสำเร็จ 
จากแรงใจที่ได้รับจึงยิ่งเร่งสร้างความมานะให้กับตนเอง โดยการหาโอกาสเพิ่มพูนความรู้จากการลงสมัครคอร์สเรียนการทำขนมต่างๆมากมายหลากหลายชนิด จากเชฟขนมอบที่มีชื่อเสียงของไทย แล้วนำมาฝึกฝนทำจนคล่องแคล่วแจกจ่ายให้กับเพื่อนสนิท มิตรสหาย กระจายจากปากต่อปาก จนมีคนสนใจอยากขอซื้อเพื่อไปเป็นของขวัญ พลันได้มีโอกาสออกแสดงผลงานผ่านร้านกาแฟในจ.เชียงใหม่ เพื่อให้ผู้สนใจได้สัมผัสลิ้มลอง...
จากวันวานจวบจนวันนี้ Lanna's Parisserie Chiang mai ยังคงมุ่งมั่นรักษามาตรฐานที่มีไว้และจะก้าวต่อไปเพื่อพัฒนาผลงานให้เกิดเอกศิลป์ และจินตนาการเพื่อสุขภาพต่อไป..